จดหมายจากนกพิราบเมื่ออาทิตย์ก่อนกระตุกต่อมสงสัยของสมาชิกรอบกองไฟเสียงย่างเนื้อท่านหนึ่ง ที่ติดตามผมมานาน

===

“ติดตามมานานครับ ชอบวิธีทำงานของพี่

เท่าที่ผมจำได้พี่เจษเป็นคนแรกๆเลยที่ออกมาบอกว่า การตลาดคือวิทยาศาสตร์ และทุกอย่างต้องทดสอบ

ซึ่งตอนนั้นผมก็มึนไปรอบนึงละ แต่จากอีเมลที่พี่เขียนมันเหมือนพี่กำลังบอกว่า

ไม่จำเป็นต้องทดสอบก็ได้ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยครับ”

===

ใช่ครับ ผมเป็นคนแรกๆที่กล้าพูดว่า มันต้องทดสอบ และถ้าจำไม่ผิดคนถามนี่ก็รู้จักผมมาตั้งแต่ยุคแรกๆที่ผมออกมาขึ้นเวที

ในงานนั้น ผมพูดถึงกลยุทธ์การตลาดโบราณที่ผมใช้และได้ผลลัพธ์ ตอนนั้นแค่พูดว่าทดสอบก็เหมือนแม่มดนอกรีตแล้ว นึกภาพผมอยู่บนเวทีพูดว่าแคมเปญการตลาดต้องทดสอบ ต้องวัดผล แล้วมีสายสร้างภาพหลายร้อยคนปลุกระดมมวลชนให้ลุกฮือมาพร้อมคบไฟ

การทดสอบ Ad คือหนึ่งในกุญแจของกลยุทธ์นั้น แต่มันจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่ “ติดตามผล”

หนึ่งในคำพูดที่ทรงพลังที่สุดของ David Ogilvy ผู้ยิ่งใหญ่ คือ

“ที่ Ogilvy & Mather เราสร้างแคมเปญโฆษณามูลค่ามากกว่า $1,480,000,000
และลงทุนใช้เงินกว่า $4,900,000 เพื่อติดตามผลโดยเฉพาะ”

จากคำพูดนี้เอง สมองมนุษย์ถ้ำประมวลผลได้ว่า ทดสอบเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว

แต่การติดตามผลเป็นเรื่อง คอขาดบาดตาย 

เพราะงั้นกลับมาที่อีเมลสมคบคิดต้นเรื่อง… ผมไม่ได้บอกว่าการทดสอบ Ad ไม่ดี

ผมรู้จักคนทดสอบ Ad เยอะๆ แล้วทำยอดได้เดือนนึงหลายล้านถึงหลายสิบล้านอยู่หลายคน

มีประโยคนึงผมชื่นชมว่าคนที่ขยันทดสอบ Ad คือ ยอดมนุษย์ด้วยซ้ำ และผมหมายความแบบนั้นจริงๆ

แค่ต้องรับผิดชอบไล่ตามติดตามผลให้แม่นๆก็พอ

ส่วนตัวคนธรรมดาอย่างผม แคมเปญนึงผมไม่เคยทดสอบเกิน 3 Ad… และ 3 นี่คือหืดขึ้นคอละ

ตั้งแต่เริ่มเขียน Copy มาน่าจะมี 2 แคมเปญที่ต้องทดสอบถึง 3 Ad และมันไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าจดจำเลย

ผมปิดท้ายบทสนทนากับสาวกคนนั้นด้วย

===

ถ้ารู้จักผมมาตั้งแต่ตอนนั้น ผมมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้ติดตามผมเพราะผมเป็นนักการตลาดที่เก่งหรอก ไม่มีใครรู้จักผมด้วยซ้ำ คนส่วนใหญ่ติดตามและมาฟังผมพูดเพราะผมสามารถบอกวิธีให้เขาได้รับผลลัพธ์เพิ่มขึ้นพร้อมกับมีเวลาคุณภาพไปใช้ทำในสิ่งที่รักได้

===

THE OHMPIANG LETTER คือจดหมายสำหรับคนธรรมดาที่อยากทำงานตรงจุด และออกไปใช้ชีวิตกับครอบครัว

ถ้าตอนนี้รู้สึกลึกๆว่า “ชีวิตแม่งไม่ควรจะยากขนาดนี้” และน่าจะมีวิธีที่ไม่ซับซ้อนในการขยายธุรกิจ และเพิ่มยอดขาย

ผมแนะนำให้เริ่มที่ The Ohmpiang Letter Vol. 3 ก่อน เพราะท่านไม่สามารถมีธุรกิจที่เรียบง่ายได้หากไม่เริ่มติดกระดุมให้ถูกตั้งแต่ต้น

The Ohmpiang Letter Vol. 3 “ประโยคเดียวในจักรวาลที่จะช่วยให้ทิศทางของธุรกิจท่านชัดเจน มั่นคง และมั่งคั่ง” เวอร์ชั่นหนังสือเสียง ราคา 2,190 บาทจากปกติ 2,490 บาท

ข่าวดีคือสั่งซื้อวันนี้ท่านจะได้ทั้งเวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้าน และเวอร์ชั่นหนังสือเสียงฟังผ่านแอพ OHMPIANG

พิเศษ! สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของจดหมายจากมนุษย์ถ้ำเลยสักฉบับ สั่งซื้อ The Ohmpiang Letter Vol. 3 วันนี้รับฟรีหนังสือ The Ohmpiang Growth Factor มูลค่า 2,190 บาทส่งตรงถึงบ้านทันทีเช่นกัน

สั่งซื้อติดต่อทีมงานที่ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย) บอกทีมงานว่า “The Letter Vol. 3”

OHMPIANG
เจษ

ปล. The Ohmpiang Letter Vol.3 เวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้านเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าหมดแล้วคือหมดเลย และจะได้รับแค่เวอร์ชั่นหนังสือเสียงเท่านั้น

หมายเหตุ – The Ohmpiang Letter เป็นจดหมายลับรายเดือนจากมนุษย์ถ้ำส่งตรงถึงบ้านท่าน แต่ละฉบับหนาประมาณ 30 หน้าเท่านั้น

OHMPIANG
เจษ

มันมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ฟรีและมีค่ามาก แต่ข้อเสียคือมันชอบหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย

สิ่งนั้นคือ “ไอเดียดีๆ”

ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมบ่อยมาก

เวลาที่ผมออกกำลังกาย อยู่ในห้องน้ำ หรือใช้เวลากับลูก ผมมักจะได้ไอเดียเขียนงาน Copywriting หรือหนังสือ หรือกลยุทธ์ธุรกิจที่ดีมากๆ (บ่องตง มัน เลิศ มาก)

แต่บ่อยครั้งที่ผมน่าจะทำบุญมาไม่พอ เพราะผมมักจะโดนแทรกหรือขัดจังหวะเสมอ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ Line เด้ง หรือคำพร่ำบ่นของคนรอบตัว ซึ่งผลลัพธ์คือไอเดียดีๆที่ได้หายวับไปแบบไร้ร่องรอย

มันเกิดขึ้นบ่อย และเกิดขึ้นได้ง่ายมากแม้จะระวังตัวแค่ไหนก็ตาม

สำหรับผมแล้วศัตรูคู่อาฆาตของไอเดียดีๆ มีอยู่ 2 ตัว ที่เจอทีไรต้องมีฝ่ายนึงล้มตาย (ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายดี)

1. เรื่องลบๆ

เรื่องลบๆ คำวิจารณ์ คำนินทา ฆ่าไอเดียดีๆ ฆ่าแบบไม่เหลือร่องรอย แถมฆ่าแบบเนียนๆด้วย คือ รู้ตัวอีกทีตายไปแล้ว แบบ เอ๊ะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น

ผมไม่รู้คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าทางไสยศาสตร์คงเป็นเมื่อคำสาป (อะวาดา เคดาฟ-รา) วิ่งมาชนกันกับคาถาสายขาว (เอกซ์เปลล์ลิอาร์มัส) แล้วบู้มเกิดเป็นโกโก้ครันช์

2. ไอเดียที่ดีกว่า

ผมว่าไอเดียที่ดีกว่านี่ โหดร้ายกว่าเรื่องลบๆอีก ถ้าทางไสยศาสตร์คงเป็นดัมเบิลดอร์ติดไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์แท้แบบฉีดสเตียรอยด์ แล้วร่ายคาถามึนงงใส่มักเกิ้ลง่อยๆคนนึงที่นอนหลับอยู่ แล้วฝังอะไรเข้าไปในความทรงจำเหยื่อ มันฟังดูเหมือนจะดีนะ แต่บ่อยครั้งไอเดียที่ดีกว่าจากคนที่ท่านคิด (ไปเอง) ว่าเก่งกว่าท่านเนี่ยแหละ งานหยาบที่สุด ไม่เพียงแต่มันจะทำให้ไอเดียที่คิดขึ้นมาด้อยค่าลง แต่ในอนาคตท่านจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่ไม่คู่ควรโดยไม่รู้ตัว

ผมพูดเรื่องนี้เพราะท่านจะต้องหนีให้ห่างจาก 2 อย่างนี้ให้มากที่สุด เวลาที่กำลังฟัง The Ohmiang Letter Vol.3 “ประโยคเดียวในจักรวาลที่จะช่วยให้ทิศทางของธุรกิจท่านชัดเจน มั่นคง และมั่งคั่ง” ในแอพ OHMPIANG

และเพื่อให้การตามหาไอเดียเงินล้านของท่านสัมฤทธิ์ผล ต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมอยากแนะนำ

1. ไปหาห้องเงียบๆ ปราศจากสิ่งเร้าที่จะมีเรื่องลบๆ หรือไอเดียที่ดีกว่า

2. อย่าเอามือถือหรือเครื่องมือที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าหรือ wifi เข้าไปด้วย

3. เขียนสิ่งที่ท่านต้องการในธุรกิจ

4. ฟัง The Ohmpiang Letter Vol.3 พร้อมทำการบ้านสุดอลังการให้เสร็จ

The Ohmpiang Letter Vol. 3 “ประโยคเดียวในจักรวาลที่จะช่วยให้ทิศทางของธุรกิจท่านชัดเจน มั่นคง และมั่งคั่ง” เวอร์ชั่นหนังสือเสียง ราคา 2,190 บาทจากปกติ 2,490 บาท

ข่าวดีคือสั่งซื้อวันนี้ท่านจะได้ทั้งเวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้าน และเวอร์ชั่นหนังสือเสียงฟังผ่านแอพ OHMPIANG

พิเศษ! สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของจดหมายจากมนุษย์ถ้ำเลยสักฉบับ สั่งซื้อ The Ohmpiang Letter Vol. 3 วันนี้รับฟรีหนังสือ The Ohmpiang Growth Factor มูลค่า 2,190 บาทส่งตรงถึงบ้านทันทีเช่นกัน

สั่งซื้อติดต่อทีมงานที่ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย) บอกทีมงานว่า “The Letter Vol. 3”

OHMPIANG
เจษ

ปล. The Ohmpiang Letter Vol.3 เวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้านเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าหมดแล้วคือหมดเลย และจะได้รับแค่เวอร์ชั่นหนังสือเสียงเท่านั้น

หมายเหตุ – The Ohmpiang Letter เป็นจดหมายลับรายเดือนจากมนุษย์ถ้ำส่งตรงถึงบ้านท่าน แต่ละฉบับหนาประมาณ 30 หน้าเท่านั้น

เมื่อตอนต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมโชคดีได้ Visa จากครอบครัวให้ไปนั่งกรรมฐานใช้เวลากับตัวเองที่วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเวลาถึง 7 วัน

ที่บอกว่าโชคดีเพราะที่บ้านผมไม่มีใครช่วยเลี้ยงลูก ผมทำงานอยู่ที่บ้านตั้งแต่ลูกเกิดเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงลูก ดังนั้นตั้งแต่ลูกชายเกิดมาผมแทบไม่เคยไปไหนไกลเลย มากสุดคือกลับบ้านดึก (4 ทุ่ม) ประมาณ 2 ครั้ง

ตอนที่กลับจากวัดหลังจากไปพบพระอาจารย์ครั้งแรกเพื่อขอภรรยาไปปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เขารีบอนุโมทนาบุญทันที

อย่างที่บอก ผมโชคดีที่ทุกอย่างราบรื่นเป็นใจ

วันแรกของการเข้ากรรมฐาน ผมเข้าไปกราบขออนุญาตพระอาจารย์เข้ากรรมฐานเป็นเวลา 7 วันตามพิธี หลังกราบเสร็จพระอาจารย์บอกให้ไปจุดธูปบอกครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลอาณาบริเวณนั้น ท่านกำชับให้อธิษฐานว่า

“เข้ากรรมฐานครั้งนี้เพื่อตัวเองจะได้มีความสุข”

ตอนนั้นผมก็เอะใจเล็กน้อยว่าทำไมท่านถึงให้อธิษฐานเช่นนั้น แต่ก็ทำตามโดยดีเพราะยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาความสุขมันเริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ ที่หายากไม่ใช่มันไปไหนหรอก เราแค่มองไม่ค่อยเห็นมัน ไม่ก็หลงลืมไป

ช่วงเวลาที่ปฏิบัติกรรมฐาน 7 วันผมใช้เวลาคุยกับตัวเองเยอะ ได้ทบทวนว่าจริงๆแล้วเราทำทุกอย่างที่ผ่านมาเพื่ออะไร ได้นั่งคุยรีวิวชีวิตของตัวเองว่าที่ผ่านมาทำอะไรแล้วมีความสุข ตอนที่เราเริ่มต้นทำงานที่ทำอยู่เราเริ่มเพราะอะไร และวันหนึ่งผมก็ได้คำตอบ

มันไม่เชิงคำตอบ มันคือสิ่งที่ผมเคยอินกับมันแต่หลงลืมไปด้วยเหตุผลบางอย่าง

ผมเริ่มต้นเป็นที่ปรึกษากลยุทธ์ เริ่มออกมาพูดเรื่องการตลาดและการเขียน Copywriting เพราะต้องการให้เจ้าของธุรกิจ “มีความสุข” กับผลลัพธ์ที่ได้รับ

พูดง่ายๆผมเริ่มต้นด้วยความสุข ชอบเห็นเจ้าของธุรกิจมีความสุข แต่พอนานวันเข้าผมเริ่มหลงลืมและความสุขตรงนี้ก็ค่อยๆหายไป ไม่แปลกใจทำไมพระอาจารย์ถึงให้อธิษฐานขอความสุข เพราะถ้าเรายังไม่มีความสุขเลยจะเอาความสุขที่ไหนไปแบ่งปันคนอื่น

เดล คาร์เนกี้ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจระดับโลกและผู้เขียนหนังสือ “วิธีชนะมิตรและจูงใจคน” เคยกล่าวว่า

“มันไม่ใช่สิ่งที่คุณมี หรือคนที่คุณเป็น หรือสถานที่ๆคุณอยู่ หรือสิ่งที่คุณทำที่ทำให้คุณสุขหรือทุกข์ มันคือวิธีที่คุณคิด”

และต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมตกผลึกจากประสบการณ์ว่า มันคือความคิดที่ทำให้ความสุขออกห่างจากชีวิตเราไปเรื่อยๆ

คิดว่ามีไม่พอเลยไม่มีความสุข

แทนที่จะขอบคุณที่ทุกวันนี้ตื่นนอนมา มีสองมือ สองเท้า หนึ่งสมองและหัวใจในการเดินไปข้างหน้า หลายคนบ่นเกี่ยวกับงาน ความสัมพันธ์ รูปร่าง หน้าตา โอกาส และฐานะ

อย่าเป็นคนที่สนามหญ้าบ้านข้างๆเขียวกว่าบ้านของเราเสมอ ถ้าวันนี้ท่านยังไม่เรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าในสิ่งที่มี สิ่งที่ดีกว่าก็จะยังมาไม่ถึง

เริ่มวันนี้เลยขอบคุณทุกสิ่งที่มี เริ่มเห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัว และ 30 วันหลังจากนี้มาดูผลลัพธ์กัน

คิดว่าทุกอย่างที่ทำต้องเป็นเหตุเป็นผล

ถ้าทุกอย่างต้องเป็นเหตุเป็นผลเสมอ ท่านจะพลาดโอกาสและความสวยงามของชีวิตอีกมากมาย

ท่านจะพลาดสีสันของชีวิต ความสัมพันธ์ที่ใฝ่ฝัน และท่านจะไม่กล้าเริ่มต้นอะไรใหม่ๆเลยเพราะมันแต่คิดว่าจะล้มเหลว หรือคู่แข่งน่ากลัว หรือตลาดมันเต็มแล้ว

คนที่มีความสุขคือคนที่ปล่อยให้หัวใจนำชีวิต ไม่ใช่สมอง คนที่มีความสุขจะเปิดรับความเสี่ยงเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ

คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ

หนึ่งในความคิดที่บั่นทอนโอกาสและความสุขมากที่สุด แต่ผมอยากจะบอกว่าความคิดนี้ไม่ใช่ของท่าน มันเป็นความคิดที่คนอื่นยัดเยียดให้ท่านรับเอาไว้และท่านก็ยอมรับมัน

ผมไม่รู้ว่าท่านผ่านอะไรมา แต่เมื่อใดก็ตามที่เริ่มคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ตั้งสติให้มั่น จับความคิดนี้ให้ทัน และเริ่มคิดถึงเรื่องดีๆ ความสำเร็จเล็กๆน้อยๆที่ทำได้ในแต่ละวัน

พยายามอย่าถลำลึกคิดต่อ เพราะเชื่อผมเถอะว่าอะไรที่คิดได้หลังจากนั้นมันไม่ค่อยจริงหรอก

คิดว่ารู้หมดแล้ว

ไม่ว่าท่านจะคิดว่าตัวเองรู้มากแค่ไหน แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า และยังมีอะไรที่ท่านไม่รู้อีกมากมาย

เมื่อใดก็ตามที่คิดว่ารู้หมดแล้ว ลองออกไปหาอะไรใหม่ๆทำ หรือสถานที่ใหม่ๆที่ไม่เคยไป

การคิดว่ารู้หมดแล้วคือข้ออ้างของการปิดใจ นั่นรวมไปถึงปิดกั้นไม่ให้ความสุขใหม่ๆเข้ามาด้วย

มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านเคยรู้ที่สำคัญ มันคือสิ่งที่ท่านจะได้เรียนรู้หลังจากรู้ทุกอย่างแล้ว ที่จะสำคัญต่อชีวิตหลังจากนี้

คิดว่าชีวิตโดนทำร้ายมามากพอแล้ว

การยึดติดกับอดีตอันเจ็บปวดไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น การยึดติดกับอดีตมีผลต่อทุกอย่างที่อยู่ในไทม์ไลน์ของปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ การงาน ความสัมพันธ์ และความสำเร็จ

หนึ่งในบทเรียนที่พูดง่ายแต่ทำยากที่สุดคือการปล่อยวาง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิด ความโกรธ ความรัก หรือการสูญเสีย การปล่อยวางไม่เคยง่าย แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอ ในเมื่อท่านต่อสู้เพื่อจะยึดสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ ทำไมไม่ต่อสู้เพื่อปล่อยวางดูบ้าง

ถ้าปล่อยโครมเดียวมันยาก ลองใช้วิธีเติมน้ำสะอาดหรือประสบการณ์ใหม่ๆเข้าไปทีละน้อย

น้ำเสียสามารถกลายเป็นน้ำใสด้วยวิธีการนี้ฉันใด หัวใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์ก็สามารถกลับมาสดใสได้ด้วยวิธีการนี้ฉันนั้น

คิดว่าครอบครัวคือตัวถ่วง

เคยเห็นคนที่เริ่มต้นธุรกิจหรืออะไรใหม่ๆเพื่อความสุขของครอบครัวแต่สุดท้ายก็ผลักไสครอบครัวด้วยเหตุผลที่ว่า ยุ่งสร้างความสุขให้คนในครอบครัวด้วยการทำงานจนไม่มีเวลาให้ไหม?

อย่าเป็นคนแบบนั้น อย่าเริ่มบางอย่างด้วยเหตุผลเพื่อครอบครัว แต่จบด้วยคำว่าไม่มีเวลาให้พวกเขา

ปลายทางของความคิดเช่นนี้มีแต่ความอ้างว้างเดียวดาย

ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่เส้นชัย ความสำเร็จคือการเดินทางและรอยยิ้มของคนที่อยู่ข้างๆคือส่วนหนึ่งของการเดินทาง

ชีวิตมันสั้นนะ และสักวันเราก็จะต้องจากกัน ผมมาเตือนให้เผื่อลืม

คิดว่าสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ไม่ทำร้ายเขาหรอก

ใช่ครับ ความผิดที่เจ้าทุกข์ไม่รู้จะไม่ทำร้ายเขา แต่จะทำร้ายคนที่ได้ทำผิดอย่างแน่นอน

พระอาจารย์ของผมช่วยให้ความกระจ่างข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ท่านบอกว่า

“เวลาเราทำผิดศีลหรือทำอะไรผิด แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ แต่ตัวเราเองรู้และเทวดาก็รู้ ความผิดที่ทำนั้นไม่ไปไหนหรอก มันคือกรรมที่รอวันส่งผล ยิ่งปิดไว้มันก็ยิ่งกัดกิด สู้ยอมรับกับตัวเอง สำนึกผิด และเดินต่อดีกว่า”

คิดว่าข้าเก่ง ข้าเจ๋ง

อะแฮ่ม เมื่อใดก็ตามที่มีความคิดแบบนี้ เราต้องเช็คอัตตาแล้วแหละ

ท่านต้องอย่าลืมว่า สิ่งเดียวในโลกใบนี้ที่มั่นคงและแน่นอนคือ ความเปลี่ยนแปลง และเมื่อใดก็ตามที่ท่านคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ท่านจะเริ่มปิดใจไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งไม่ช้าก็เร็วท่านจะตกเป็นเหยื่อของความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

อัตตานั้นร้าย มันจะขัดขวางไม่ให้ท่านยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ ขัดขวางไม่ให้ยอมรับว่าทำผิด ขัดขวางไม่ให้ท่านพูดคำว่าขอโทษ ขัดขวางไม่ให้ท่านเป็นน้ำครึ่งแก้ว ขัดขวางไม่ให้ยอมรับว่าความสำเร็จของท่านคนอื่นก็มีส่วนเหมือนกัน

พูดง่ายๆ มันขวางไม่ให้ท่านทำในสิ่งที่นำความสุขมาสู่ชีวิต

จับมันให้ได้ ไล่มันให้ทัน และอย่าไปยอมให้มันบงการชีวิต เพียงเท่านี้ความสุขที่ตามหาก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว

หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ และขอให้พบความสุขที่ทำหล่นหายไปกันไวๆ

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ปล. ผมส่งอีเมลหา Subscriber ทุกวัน ใครสนใจของแปลกตามไป Subscribe ได้ที่ https://www.theerathorn.com พร้อมรับหนังสือเสียงเป็นของขวัญได้เลย

“ข้าก็เคยโง่แบบเจ้า โง่แถมยังยะโสคิดว่าตัวเองรู้ไปหมด ดังนั้นคำแนะนำของข้าคือ ลืมซะ
ลืมทุกอย่างที่เจ้าคิดว่ารู้”
                                                                                          มอร์โด (Doctor Strange)

สมาชิก THE OHMPIANG LETTER ท่านหนึ่งส่งนกพิราบมาถามว่า

===

อยากมียอดขายมากกว่านี้ มีแต่คนแนะนำให้ Re-Branding ตกแต่งหน้าร้านใหม่ เปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมด แต่ยังทำใจไม่ได้ เพราะที่โตมาได้ถึงทุกวันนี้ก็ไม่ได้อาศัยอะไรพวกนั้นเลย

=== 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สมัยที่ผมยังสอน Workshop ราคาแพง มีเจ้าของธุรกิจด้านความงามคนหนึ่งมาเรียนด้วยความตั้งใจ

ธุรกิจของเขาไม่ใช่ธุรกิจใหญ่โต ไม่ได้มีตัวแทนมากมาย ไม่ได้มีหน้าร้านสวยงาม เป็นแนวธุรกิจห้องแถวเล็กๆ คนน้อยๆ อยู่กันแบบอบอุ่นเป็นครอบครัว

เขามาเรียน Workshop เพราะต้องการยอดขายเพิ่มขึ้น ต้องการความสำเร็จ และที่สำคัญต้องการเวลาคุณภาพให้ตัวเองมากขึ้น

เขาผ่านมาทุกสำนัก ลองมาทุกหนทาง แต่ก็ยังไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ

ผมแนะนำให้เขาทำเรื่องง่ายๆเพียง 2 เรื่องเท่านั้น 2 เรื่องพื้นฐานที่ทุกสำนักรวมถึงตัวเขาเองด้วยมองข้ามมานาน

1. โฟกัสสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อะไรที่ไม่ใช่ตัดทิ้งออกไปซะ

2. ค้นหาเสียงย่างเนื้อเปลี่ยนชีวิตของธุรกิจตัวเองให้เจอ

ภายในเดือนแรกยอดขายเพิ่ม 75%

เดือนที่สองยอดขายเพิ่ม 200% จากเดือนแรก

เดือนที่สามยอดขายเพิ่ม 200% จากเดือนที่สอง

เดือนที่สี่ยอดขายเพิ่ม 200% จากเดือนที่สาม

เดือนที่ห้ายอดขายเพิ่ม 200% จากเดือนที่สี่

เดือนที่หกยอดขายเพิ่ม 200% จากเดือนที่ห้า

และเดือนที่เจ็ดยอดขายเพิ่ม 200% จากเดือนที่หก

รวมแล้ว 6 เด้ง…

ช่วงที่ทำยอดขาย 200% ติดๆกัน 6 เด้ง เขาไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์อะไรเลย นอกจากลดพนักงานที่ไม่ทำงานออก

ลูกค้าก็ไม่ได้เหยียดหยามอะไรที่เขาเป็นธุรกิจห้องแถวเล็กๆ เดินเข้ามารับของคุยงานกันปกติ แถมดูเป็นกันเองเสียอีก ลูกค้าของเขามีตั้งแต่แม่ค้าออนไลน์มือใหม่ยันคุณหญิงคุณนาย

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกถึงตอนที่ Doctor Strange ขายทุกอย่างที่มีจากนั้นซมซานไปตามหา Kamar-Taj ถึงเนปาลเพื่อรักษามือตัวเอง ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็ค้นพบมัน… ในแบบที่ไม่คาดคิด

แถม Kamar-Taj ที่เขาเจอไม่ได้ใกล้เคียงกับที่เขาคิดแม้แต่น้อย แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะถ้าข้างในมีสิ่งที่เขาคิดว่าต้องการจริงๆ รูปลักษณ์ภายนอกหาได้สำคัญไม่

จากประสบการณ์ของผมยิ่งในยุคออนไลน์ ต่อให้อยู่ในหลืบ ถ้ามีสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อมาหาท่านต่อให้ไกลหรือลำบากแค่ไหนก็ตาม

แต่ก่อนอื่นท่านแค่ต้องมีในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ สื่อสารออกไปให้เป็น และมีผลลัพธ์ที่ลูกค้าจับต้องได้

ทั้งหมดเริ่มต้นง่ายๆด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว เหมือนที่ธุรกิจความงามเล็กๆ สร้าง Karmar-Taj ของตัวเองจนมียอดเพิ่มขึ้น 200% ติดๆกัน 6 เดือน

ขั้นตอนอย่างละเอียดพร้อมตัวอย่างในการสร้างประโยคพลิกชีวิตอยู่ใน The Ohmpiang Letter Vol. 3

The Ohmpiang Letter Vol. 3 ประโยคเดียวในจักรวาลที่จะช่วยให้ทิศทางของธุรกิจท่านชัดเจน มั่นคง และมั่งคั่ง เวอร์ชั่น Audio Book ราคา 2,190 บาทจากปกติ 2,490 บาท

ข่าวดีคือสั่งซื้อวันนี้ท่านจะได้ทั้งเวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้าน และเวอร์ชั่นหนังสือเสียงฟังผ่านแอพ OHMPIANG

พิเศษ! สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของจดหมายจากมนุษย์ถ้ำเลยสักฉบับ สั่งซื้อ The Ohmpiang Letter Vol. 3 วันนี้รับฟรีหนังสือ The Ohmpiang Growth Factor มูลค่า 2,190 บาทส่งตรงถึงบ้านทันทีเช่นกัน

สั่งซื้อติดต่อทีมงานที่ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย) บอกทีมงานว่า “The Letter Vol. 3”

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ปล. The Ohmpiang Letter Vol.3 เวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้านเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าหมดแล้วคือหมดเลย และจะได้รับแค่เวอร์ชั่นหนังสือเสียงเท่านั้น

หมายเหตุ – The Ohmpiang Letter เป็นจดหมายลับรายเดือนจากมนุษย์ถ้ำส่งตรงถึงบ้านท่าน แต่ละฉบับหนาประมาณ 30 หน้าเท่านั้น

ตอนที่ผม Active มากๆเรื่อง Copywriting เมื่อหลายปีก่อน จำนวนผู้ติดตามก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหลายคนในนั้นก็มาเพื่อขโมยโดยเฉพาะ

ไม่ว่าจะเป็นไอเดีย ไม่ว่าจะเป็น Content ไม่ว่าจะพยายามสืบให้รู้ว่าผมเขียนให้กับแบรนด์ไหนเพื่อตามก๊อป หนักสุดที่ผมเคยเจอคือ เอาทุกอย่างที่ผมพูดไปและเขียนไปสอนทั้งดุ้น

สิ่งที่ผมทำคือ ส่งทนาย John Wick ของผมไปคุย พร้อมๆกับที่ผมส่งข้อความไปบอกต้นสังกัดให้จัดการ น่าแปลกที่หัวขโมยพวกนี้มักมีต้นสังกัดหรือกรูรู้วที่พวกเขาเป็นติ่งอยู่ เรื่องเลยจบอย่างรวดเร็วเพราะต้นสังกัดเหล่านั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับผม ไม่ก็ติดตามผมอยู่เช่นกัน

เรื่องจบก็จริง แต่วิบากกรรมไม่จบง่ายๆ

ผมจะมีนิสัยเลือดเย็นอย่างหนึ่งคือ ชอบติดตามผลของคำสาปตัวเอง

ล่าสุดหนึ่งในลูกอีช่างก๊อปที่ผมหมายหัวและติดเรดาร์เอาไว้ก็เพิ่งรับผลกรรมซ้ำไปอีก 

คนนี้เริ่มจากก๊อป The Ohmpiang Growth Factor และ The Ohmpiang Letter Vol. 3 ไปเปิดคอร์สสอนทั้งดุ้น ทั้งเอาไป Live แจกฟรี ทั้งเอาไปทำ E-Book เอาไปปู้ยี่ปู้ยำทำทุกวิถีทางให้ตัวเองดูดี ดูเหมือนศาสดา

ผลลัพธ์คือ ทัวร์ลง… ทัวร์จากไหนก็ไม่รู้รุมด่าซะเละเพราะถูกจับได้ว่าก๊อปเขาไปทั่วจนต้องหยุดทำ ซ้ำยังโดนต้นสังกัดสั่งห้ามเด็ดขาดอีกดอก

หลังจากนั้นก็ระหกระเหินไปจับงานอื่น พยายามตั้งตัวขึ้นมาสอน (เรื่องอื่น) ก็ไม่มีคนเชื่อถือแล้ว และเป็นเช่นนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนเมื่อเร็วๆนี้ก็ยังหาที่ลงไม่ได้

ที่มันน่าเศร้าคือ The Ohmpiang Letter Vol. 3 ที่เขาขโมยวิชาไปทั้งเปิดคอร์ส ทั้ง Live สอนฟรี สอนเรื่องการสร้าง Position ให้แตกต่างกับธุรกิจอื่นอย่างชัดเจนและเป็นขั้นเป็นตอนโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปลอกเลียนแบบหรือขโมยไอเดียคนอื่นแม้แต่น้อย

มันมีตลาดใหม่ๆ ลูกค้าใหม่ๆ ผู้มุ่งหวังใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวินาทีรอซื้อสินค้าของท่าน ท่านแค่ต้องหาให้เจอและ The Ohmpiang Letter Vol. 3 คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดแล้ว

ทำไมต้องไปแย่งชิงเศษอาหารใต้โต๊ะของคนสำเร็จ ในเมื่อเราเปิดโต๊ะใหม่ได้ตลอดล่ะ?

The Ohmpiang Letter Vol. 3 เวอร์ชั่นหนังสือเสียงราคา 2,190 บาทจากปกติ 2,490 บาท

ข่าวดีคือสั่งซื้อวันนี้ท่านจะได้ทั้งเวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้าน และเวอร์ชั่นหนังสือเสียงฟังผ่านแอพ OHMPIANG

พิเศษ! สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของจดหมายจากมนุษย์ถ้ำเลยสักฉบับ สั่งซื้อ The Ohmpiang Letter Vol. 3 วันนี้รับฟรีหนังสือ The Ohmpiang Growth Factor มูลค่า 2,190 บาทส่งตรงถึงบ้านทันทีเช่นกัน

สั่งซื้อติดต่อทีมงานที่ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย) บอกทีมงานว่า “The Letter Vol. 3”

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ปล. The Ohmpiang Letter Vol.3 เวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้านเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าหมดแล้วคือหมดเลย และจะได้รับแค่เวอร์ชั่นหนังสือเสียงเท่านั้น

หมายเหตุ – The Ohmpiang Letter เป็นจดหมายลับรายเดือนจากมนุษย์ถ้ำส่งตรงถึงบ้านท่าน แต่ละฉบับหนาประมาณ 30 หน้าเท่านั้น

นานมาแล้ว…

ผู้ครอบครองหนังสือ Adams ส่งนกพิรามมาหามนุษย์ถ้ำเพราะอยากเข้าใจประโยคนึงในหนังสือที่ว่า

===

เราควรเลือกสิ่งที่ควรจะเป็น ก่อนไปดูผลการวิเคราะห์ และควรดูผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ ก่อนที่จะเริ่มคิด

=== 

คำตอบของผมแว๊บแรกอาศัยหลักธรรมะที่ได้ร่ำเรียนมาคือ อย่าเชื่อในสิ่งที่คิด หรือสิ่งที่เคยรู้มามากเกินไป เพราะไม่มีใครรู้ว่าความคิด หรือข้อมูลนั้นมาจากไหน

แต่ถ้ามาดูประโยคนี้ของ Adams ดีๆ เขาบอกให้เลือกสิ่งที่ควรจะเป็น… 

ผมแปลง่ายๆเลย เลือกโดยใช้ สามัญสำนึก (Common Sense) เลือกคำตอบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เลือกจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ

หรือพูดง่ายๆ เลือกจากความเป็นจริง ตัดสินจากความเป็นจริง

แต่นั่นแหละที่มันยาก เพราะร้อยทั้งร้อยทั้งพวกเราถูกสอนให้คิดอะไรยากๆ ทำอะไรยากๆ โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจ

ร้านขายของเล็กๆ ทุนน้อยๆ กลุ่มเป้าหมายอยู่ในระยะไม่เกินรัศมี 1 กม. แต่ทะลึ่งไปหาคอร์สยิง Ad ขั้นเทพเรียน แทนที่จะใช้วิธีที่ง่ายและประหยัดกว่านั้นอย่างออกไปพยายามคุยกับคนแถวนั้นให้มากที่สุด เพื่อสร้างความสัมพันธ์และโปรโมทร้านกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง

เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่มีคนทักเข้ามาเยอะมากๆ แต่ปิดการขายได้น้อยแบบน่าเตะ กลับคิดไปเองว่าตัวเองทำการตลาดไม่เก่งเลยตระเวณหา กรูรู้ว มาแก้ปัญหา ทั้งๆที่แอบดูพฤติกรรมของพนักงานก็ได้คำตอบแล้ว

พนักงานขายเครื่องจักรที่คิดว่าตัวเองขายไม่เก่ง เลยไล่ลงเรียนทุกอย่างเกี่ยวกับการขาย การพรีเซนต์ และการปรับบุคลิกภาพ แต่สุดท้ายลืมถามตัวเองไปว่า นี่เรากำลังคุยกับคนที่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า? และเรากำลังคุยเรื่องที่เขาอยากฟังอยู่หรือเปล่า? และเรารู้จักคนที่เราคุยด้วยดีพอหรือยัง?

ประเด็นคือ ทุกคน รวมทั้งผมด้วย ถูกโปรแกรมมาตลอดชีวิตให้เลือกเส้นทางที่ดูยาก และซับซ้อน

มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ตรงนี้เองคือ เหตุผลว่าทำไม Adams ถึงบอกว่า ก่อนจะเริ่มคิด ให้ลองหาเส้นทางที่เรียบง่ายก่อน จากนั้นดูผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ทำการบ้านหาข้อมูล แล้วค่อยมานั่งคิดจริงจังก็ยังไม่สาย

จดหมายรายเดือนในตำนานจากมนุษย์ถ้ำเกิดขึ้นเพื่อเจ้าของธุรกิจที่ต้องการวิธีที่เรียบง่ายแต่ได้ผลลัพธ์เท่านั้น ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเทคนิคซับซ้อน เลิศล้ำ อลังการ แต่ไม่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น และน้อยครั้งมากๆที่ผมจะพูดถึงเทคนิคใหม่ๆ ไฮโซๆ 

The Ohmpiang Letter Vol.3 ก็เช่นกัน แต่ความพิเศษของ Vol. นี้คือ มันจะช่วยให้ท่านไม่หลงแสงสีเสียง หรือทำอะไรที่มันยุ่งยาก ซับซ้อนอีกต่อไป

Vol. นี้คือข้อพิสูจน์ที่ทรงพลังที่ยืนยันในสิ่งที่ผมพูดอยู่บ่อยๆว่า

=====

Copy ดีๆฉบับเดียวสามารถพลิกธุรกิจได้

=====

เพราะฉบับนี้พูดถึงประโยคๆเดียวที่พลิกธุรกิจจากใกล้เจ๊งเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดของโลกได้ในเวลาไม่กี่ปี

The Ohmpiang Letter Vol. 3 ราคา 2,190 บาทจากปกติ 2,490 บาท

ข่าวดีคือสั่งซื้อวันนี้ท่านจะได้ทั้งเวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้าน และเวอร์ชั่นหนังสือเสียงฟังผ่านแอพ OHMPIANG

พิเศษ! สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของจดหมายจากมนุษย์ถ้ำเลยสักฉบับ สั่งซื้อ The Ohmpiang Letter Vol. 3 วันนี้รับฟรีหนังสือ The Ohmpiang Growth Factor มูลค่า 2,190 บาทส่งตรงถึงบ้านทันทีเช่นกัน

สั่งซื้อติดต่อทีมงานที่ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย) บอกทีมงานว่า “The Letter Vol. 3”

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ปล. The Ohmpiang Letter Vol.3 เวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้านเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าหมดแล้วคือหมดเลย และจะได้รับแค่เวอร์ชั่นหนังสือเสียงเท่านั้น

หมายเหตุ – The Ohmpiang Letter เป็นจดหมายลับรายเดือนจากมนุษย์ถ้ำส่งตรงถึงบ้านท่าน แต่ละฉบับหนาประมาณ 30 หน้าเท่านั้น