Copywriter พ่อลูกอ่อนกำลังก่อกองไฟย่างเนื้อ รอเพิ่มผลลัพธ์ให้กับธุรกิจและการใช้ชีวิตของท่านด้วยเทคนิคการตลาดโบราณ หลักการขายนอกคอก ประสบการณ์ชีวิตแซ่บๆ และวิชา Copywriting ที่ไม่เป็นสองรองใคร

บทเรียนชีวิต 6 ข้อจากตำนานผู้ล่วงลับ

เขียนโดย Jesse Theerathorn  |  Mindset, Success  |  0 Comments

บทความนี้ผมแปลมาจาก Brandmind ที่เขียนถึง Bob Proctor หลังจากที่ Bob จากโลกนี้ไปไม่กี่วัน

Bob Proctor เป็นครูที่ยิ่งใหญ่ เป็นนักพูด นักสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญระดับตำนานของการพัฒนาตนเองเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อต้นปี ตอนอายุ 88 ปี

เขาเป็นโค้ช เป็น Mentor เป็นนักพูดที่ประสบความสำเร็จมากๆ และเป็นนักเขียนหนังสือขายดีระดับโลกหลายเล่ม

ตอนที่ Bob เป็นวัยรุ่น เขาแทบไม่มีความมั่นใจในตัวเองแถมยังมีความทะเยอทะยานที่น้อยมากๆ หนทางสู่ความสำเร็จของเขาดูช่างคลุมเครือ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับเชิญให้ไปที่บ้านของ Lloyd Conant เจ้าของผู้ก่อตั้ง nightingale-conant สถาบันพัฒนาตัวเองอันดับหนึ่ง ที่นั่นเขาได้รับหนังสือหน้าปกสีเขียวเล่มเล็กๆ บนหน้าปกเขียนว่า “The Science of Getting Rich” และมันเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

เขาอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำอีก นำสิ่งที่อยู่ในหนังสือไปใช้ และพบว่าเงินในบัญชีของเขาเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น รู้ตัวอีกทีเขาก็ประสบความสำเร็จระดับโลกเรียบร้อย ทั้งที่เมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานเขายังเป็นนักดับเพลิงรายได้น้อยอยู่เลย

เป็นเวลาเกือบ 50 ปีที่ Bob Proctor ออกมาพูด ขยายความ และสอน Concept ที่อยู่ในหนังสือ The Science of Getting Rich และในปี 2006 Bob Proctor ร่วมแสดงในหนัง The Secret หนังที่ได้รับความสนใจจากสื่อและคนดังทั่วโลก

ตลอดชีวิตของเขา Bob Proctor เปลี่ยนชีวิตผู้คนจำนวนมาก เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเขา เรามาทบทวนบทเรียนชีวิตทั้ง 6 ที่เขาใช้เป็นแก่นในการเปลี่ยนชีวิตคนนับล้านทั่วโลกกัน

1. เราจะเป็นสิ่งที่เราคิดเสมอ

จิตของเราเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดและความคิดของเราไม่ว่าจะร้ายหรือดี หากความคิดนั้นได้รับการยอมรับด้วยจิตไปแล้วมันจะกลายเป็นความจริง

ขึ้นชื่อว่าเครื่องมือนั่นแปลว่าถ้าท่านไม่เรียนรู้ที่จะควบคุมมันให้ดี แทนที่จะช่วยสร้างประโยชน์และอำนวยความสะดวกสบาย มันอาจให้โทษแทน

นักกีฬาที่ฝึกฝนเตรียมตัวเพื่อการแข่งขันมาเป็นปียังมีโอกาสลืมทุกอย่างและไม่สามารถเข้าแข่งขันได้เพราะความกลัวที่จะล้มเหลวที่เกิดขึ้นก่อนการแข่งขัน จิตของเขาเริ่มจะดึงดูดและรับเอาพลังงานลบๆเข้าไป ซึ่งนั่นทำให้ความมั่นใจของเขาสั่นคลอน

จิตของท่านต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อป้องกันตัวเองจากพลังงานลบๆ และดลบันดาลให้ทุกอย่างที่ท่านปรารถนาเป็นจริง

หนังสือแนะนำสำหรับคนที่อยากศึกษาเรื่องนี้เพิ่ม >> https://ohmpiang.com/dear-nora/

2. อย่าให้โลกภายนอกมีอิทธิพลเหนือโลกภายใน

โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์และสิ่งเร้า มีอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ที่จะสั่นคลอนและเปลี่ยนแปลงโลกภายในของความคิดและความรู้สึก

เมื่อตอนที่เรายังเด็ก โลกภายในของเราถูกสร้างขึ้นด้วยอิทธิพลของพ่อแม่และผู้ปกครอง

ตอนเป็นวัยรุ่น โลกภายในของเราจะเปลี่ยนไปตามเพื่อนและคนที่เราคบ เราต้องการการยอมรับจากคนเหล่านั้น

โลกภายในของเราจะเปลี่ยนไปตามคนที่เราใช้เวลาด้วย

ความจริงข้อนี้อาจเป็นเรื่องท้าทายหากท่านไม่รู้วิธีควบคุมอิทธิพลของโลกภายนอกที่มีต่อโลกภายในของท่าน

ปลดปล่อยตัวเองจากอิทธิพลของคนอื่น เรียนรู้วิธีแสดงออกและปลดปล่อยพลังงานอย่างสร้างสรรค์ 

ตัดสินใจวันนี้เลยว่าท่านเป็นใครและต้องการชีวิตแบบไหน

อย่าให้ใครก็ตามมีอิทธิพลเหนือชีวิตของท่าน

3. โฟกัสสิ่งที่ต้องการจะทำ

ถามตัวเองอีกครั้งท่านต้องการที่จะทำอะไรหรือประสบความสำเร็จแบบไหนในชีวิต?

เมื่อได้คำตอบแล้วจงโฟกัสทุกอย่างที่มีไปที่สิ่งนั้น

วางแผนการเดินทาง เขียนสิ่งที่ต้องการลงบนกระดาษ จากนั้นเลือกว่าท่านต้องการตัวช่วยหรือสิ่งใดในแผนการนั้นบ้าง

ท่านจะพบว่าคนรอบตัวของท่านเก่งมากๆในการวิจารณ์เป้าหมายของท่าน บางคนอาจจะสนับสนุน บางคนอาจจะหัวเราะเยาะด้วยความดูถูก แต่ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือดูถูก อย่าไปฟัง!

ตามองไปที่เป้าหมาย ขาค่อยๆก้าวไปอย่างมั่นคง

4. อย่าให้คำวิจารณ์ส่งผลต่อชีวิต

ธรรมชาติของการวิจารณ์คือการพุ่งเป้าไปยังปัญหาและเน้นขยี้เรื่องลบๆ

คำวิจารณ์เป็นหนึ่งในยาพิษที่รับมือได้ยากที่สุด เพราะมันเป็นยาพิษที่เล่นกับจิตใจ ความมั่นใจ และกำลังใจ

คนที่วิจารณ์คนอื่นอยู่บ่อยๆมักบอกตัวเองว่า พวกเขากำลังวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของคนถูกวิจารณ์

ผมบอกเลยว่า ไร้สาระ คนพวกนี้หลงตัวเองคิดว่ากำลังทำเรื่องที่ถูกต้องและสูงส่ง 

ถ้าอยากช่วยจริงๆ มันมีวิธีที่ดีกว่าการวิจารณ์มากมาย เช่นการให้ Feedback ตามความจริงที่มีทั้งบวกและลบ

Feedback ต่างการคำวิจารณ์ตรงที่มีคำแนะนำหรือหนทางไปต่อเพื่อการพัฒนา

เมื่อใดก็ตามที่เจอกับคำวิจารณ์ Bob Proctor แนะนำว่าให้รับมือด้วยความนิ่งและคำว่าขอบคุณ

ถ้าไม่สามารถนิ่งได้ นั่นคือสัญญาณที่ดีที่บอกว่าความมั่นใจและการมองตัวเองของท่านกำลังต้องการการอัพเกรด

วิธีที่ท่านมองตัวเองคือ จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการสร้างรากฐานที่มั่นคงสู่ความสำเร็จให้ตัวเอง

5. เชื่อมั่นในตนเอง

ก่อนที่จะคาดหวังให้คนอื่นเชื่อมั่นในตัวคุณ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองเสียก่อน

รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร ชอบทำอะไร เก่งอะไร และต่อยอดจากตรงนั้น

วินาทีที่ท่านรู้ว่าจุดแข็งของท่านคืออะไร ท่านจะรู้สึกมั่นใจว่าท่านจะไปได้ถึงไหนทันที

รักตัวเองให้เยอะๆ และอย่าด้อยค่าตัวเองมาก

คนๆแรกที่คุณต้องผูกมิตรด้วยคือตัวคุณเอง

6. การหมกมุ่นยึดติดกับอดีตคือบ่อเกิดแห่งความทุกข์

การใช้ชีวิตกับอดีตจะทำร้ายปัจจุบันและทำลายอนาคตของคุณ มันปกติมากๆที่จะรู้สึกดีกับอดีตที่หอมหวาน แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มพูดถึงมันบ่อยเข้า มันคือสัญญาณที่กำลังบอกอะไรบางอย่าง

สังเกตคำพูดของคุณให้ดี คุณกำลังใช้คำอย่าง “มันควรจะ...” หรือ “มันไม่ควรจะ...” เช่น ฉันควรจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ฉันควรมีลูกได้แล้วตอนนี้ ฉันควรมีเงินเก็บเยอะกว่านี้

พวกตระกูล “ควรจะ” และ “ไม่ควรจะ” คือเครื่องมือที่ใช้ทำร้ายตัวเองและมีอานุภาพในการเพิ่มความกลัว ความกังวล และความทุกข์

เพื่อจะได้ปลอดภัยจากคำเหล่านี้ ฝึกฝนที่จะมีสติ จับคำพูดของตัวเองให้ทัน มันจะช่วยให้ท่านปลอดภัยจากสภาวะน้อยเนื้อต่ำใจและโทษตัวเอง

คุณอาจคิดถึงความผิดพลาดของตัวเองในอดีต แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ใช่ความผิดพลาด มันเป็นแค่การตัดสินใจหนึ่งที่บ่อยครั้งไม่สามารถฟันธงได้ว่าผิดจริงไหม เพราะละครยังไม่จบ

ใครจะไปรู้ การตัดสินใจที่ท่านคิดว่าผิดพลาดในอดีต อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตก็ได้

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ปล. Subscribe เพื่อรับอีเมลรายวันที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ กลยุทธ์ธุรกิจ เทคนิคทำเงิน และโปรโมชั่นมากมายได้ที่ >> https://www.theerathorn.com

ที่มา : Brandmind