ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ผมได้รับจดหมายฉบับนึงส่งมาจากชายแดน

เป็นจดหมายของข้าราชการที่ผมให้ฉายาว่า “นักการตลาดออนไลน์อัจฉริยะที่ไม่กล้าลาออกจากราชการ” ใจความว่า

===

สวัสดีครับพี่เจษ

ผมอาจจะเป็นเพียงไม่กี่คนที่เรียกว่า “พี่” ในขณะที่คนอื่นเรียกว่า “อาจารย์” เหตุผลก็เพียงเพราะว่า พี่เคยเล่าให้ฟังตอนพี่เป็นเซล พี่มักจะเรียกทุกคนว่า “พี่”

ผมก็เลยเรียกพี่เจษ ว่า “พี่ “บ้าง เพียงเพื่อจะแน่ใจว่า ได้ทำทุกอย่างที่พี่พิสูจน์มาแล้วว่าได้ผล และนั่นก็ทำให้ผมได้ผลลัพธ์อย่างที่พี่ได้

อาจเพราะผมได้เจอพี่ หรือได้คุยกับพี่พอสมควร ที่ผ่านมา จึงไม่ได้เขียนอะไรยาวๆ แต่ครั้งนี้ดีใจ ที่พี่จะมีการสอนคอร์สออนไลน์ Copywriting ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนอาจไม่รู้ว่ามันคืออะไร 
(เอาจริงๆ นะ ผมก็เพิ่งจะมารู้ตอนเรียนกับพี่นี่ล่ะ)

ก่อนหน้านี้ ผมรู้จักแต่คำว่า Content Marketing ได้อ่านหนังสือและเข้าสัมมนาต่างๆ มากมาย ซึ่งมีหลักการและเหตุผลมากมายมารองรับ มันดูดีไปหมด ไร้ที่ติ และผมยึดเป็นสรณะว่ามันคือทางรอดในการทำธุรกิจออนไลน์ 

ซึ่งก็ดูเหมือนทุกอย่างไปได้ด้วยดี แต่ผมทรมานและรู้สึกทุรนทุรายทุกครั้งที่ต้องคิด Content Marketing เพียงเพื่อจะลงในเพจและเว็บไซต์ทุกๆ วัน

เรียกว่าช่วงนั้นไมเกรนขึ้นกันเลยทีเดียว ซึ่งเนื้อหาที่ผมคิดก็มักจะถูกเจ้าอื่นๆ ก๊อปปี้ไปจนหมดสิ้น

หลังจากนั้นก็มีสงคราม Content Marketing เกิดขึ้น ทุกเพจต่างแข่งกันทำ จนมันดูเยอะและเกร่อเต็มหน้า Facebook ไปหมด

แต่นั้นก็ไม่เลวร้ายไปกว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องการจะสร้างรายได้จริงๆ Content Marketing กลับไม่ได้ช่วยทำให้ผมได้ยอดขายอย่างที่มันควรจะเป็น

จนกระทั่งผมได้มาเจอวิชา Copywriting ซึ่งราคาแอบแพงอยู่ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 90,000 บาท) และสอนเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น

แต่เนื่องจากว่าผมได้อ่านหนังสือ Scientific Advertising ที่พี่แปลมาก่อน เลยตัดสินใจแคะกระปุกออมสินมาเรียน

(ที่บ้านถามว่าไปเรียนคอร์สละเท่าไหร่ ผมตอบไปว่า 9 พันบาท เขาบอกว่าแพงจัง แค่ 2 วันเอง นี่ถ้ารู้ว่ามันแพงกว่าที่ผมบอกไปตั้ง 10 เท่า ผมคงตายแน่ๆ)

ขณะที่ร่ำเรียนวิชานี้ พี่เจษถามขึ้นในห้องว่า “เคยเห็นแบรนด์ใหญ่ๆ เขาทำ Content Marketing กันหรือเปล่า?”

ทั้งห้องเงียบ รวมถึงตัวผมด้วย

ผมเก็บเอาไปคิดตลอด 2 วัน และคำตอบของผมและเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่”

ปกติผมโพสต์ลงเพจวันละ 1 ครั้ง แต่ Copywriting ทำให้ผมโพสต์เฉลี่ยเหลือเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่กลับสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 1,000% 

ที่สำคัญเมื่อก่อนโพสต์ขายของจะไม่ค่อยมีใครสนใจ การแชร์อยู่ที่หลักสิบ ต้องยิงโฆษณา แต่กลายเป็นว่าตอนนี้โพสต์ขายมีคนแชร์ขั้นต่ำ 2,000 แชร์ ทุกโพสต์ ย้ำนี่คือโพสต์ขายของ และนั่นทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น และตัวเลขในบัญชีก็สูงขึ้น

ที่สำคัญค่าโฆษณาถูกลงมาก บางโพสต์ขายได้สูงถึง 7 หลัก โดยจ่ายเงินไปเพียงแค่ 4 หลักเท่านั้นเอง

วิชา Copywriting แปลกอยู่หลายอย่าง และบางทีมันก็ขัดกับสามัญสำนึกของผม แต่ผมก็ทำตามหลักวิชานี้อย่างเคร่งครัด ไม่เถึยงไม่ถาม ทำตามอย่างเดียว ไม่เอ๊ะ ไม่อ๊ะ แม้บางครั้งจะแอบสงสัยว่าจะใช้ในธุรกิจนี้ได้ไหม แต่สุดท้ายผมก็ลงมือทำ ทำทั้งๆ ที่สงสัย และก็ได้ผลลัพธ์อย่างคาดไม่ถึง

ทุกวันนี้ ผมมีความสุขกับการเขียน Copywriting เพราะทุกๆ ครั้งที่เขียน มันให้ผลตอบแทนอย่างงาม และที่สำคัญถ้ารู้ความลับในการเขียน มันเขียนง่ายมาก มันแค่เป็นการจัดวางคำให้อยู่ถูกตำแหน่ง (และพี่เจษก็ได้บอกความลับทุกข้อให้กับผมแล้ว)

ที่เขียนมายาว เพียงเพราะอยากขอบคุณพี่ ที่ได้ถ่ายทอดการเขียน Copywriting ให้กับผม และทุกๆ วันนี้ ผมยังสนุกกับการทดสอบ Copy อยู่เสมอ

ขอบคุณที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผม และคนรอบข้างผมไปตลอดกาล

จาก
ข้าราชการคนนึง ซึ่งใช้ชีวิตมาแล้ว 2 ชายแดน

===

ตอนนี้เจ้าของจดหมายก็ลอยลำไปละ หมดหนี้หมดสิน และกำลังใช้ชีวิตที่ตัวเองต้องการอย่างสบายใจ

ผมเอาเรื่องเก่ามาเล่าให้ฟังไม่ใช่เพราะหมดมุข แต่เพราะมันมีเรื่องราวแบบนี้ ผลลัพธ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดสำหรับคนที่ใช้วิชา Copywriting แม้ว่าจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม

อย่างล่าสุดก็เคสของคุณเฟิร์สที่เรียนจบมหาวิทยาลัยปุ๊บเปิดโรงงานและมีแบรนด์ของตัวเองปั๊บ โดยที่เงินทุกบาทเป็นผลลัพธ์จากการใช้วิชา Copywriting ที่เรียนกับผมไปแบบไม่เอ๊ะ ไม่อ๊ะ

ผมให้สัญญากับทุกคนที่ยอมจ่าย 90,000 ตอนนั้นว่า Copywriting Bootcamp จะจัดแค่ครั้งเดียว ดังนั้นผมคงไม่สามารถเปิดได้อีกด้วยเหตุผลสำคัญมากๆที่อยู่ในอีเมลเมื่อวาน

แต่นั่นไม่ได้แปลว่า ประตูสู่โลก Copywriting ที่ได้ผลจริงๆจะปิดไปตลอดกาล เพราะคอร์สออนไลน์ OHMPIANG SECRET COPYWRITING มีความขลังไม่แพ้กันและจะให้ผลลัพธ์ไม่ต่างกันหากท่านทำตามแบบไม่เอ๊ะ ไม่อ๊ะ

ข้อพิสูจน์คือ คุณเฟิร์สเองก็มาไม่ทัน Copywriting Bootcamp และเริ่มจากคอร์สออนไลน์

ข่าวดีคือ ถ้าท่านเห็นอีเมลนี้ ยังมีเวลาอีก 2 วันก่อนที่ราคาจะปรับขึ้น

อ่านรายละเอียดและสมัครได้ที่
>> https://ohmpiang.com/ohmpiang-secret-copywriting/

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

หลายวันก่อนผมโพสท์รูปถ่ายคู่กับลูกศิษย์ที่หอบเอาชุดครุยมาถ่ายรูปกับผมถึงออฟฟิศ

เขาเอาชุดครุยมาถ่ายด้วยเพราะเขาเคยลั่นเอาไว้ว่า ถ้าทำทุกอย่างได้ตามเป้าก่อนเรียนจบ เขาขอเอาชุดครุยมาถ่ายด้วย

ทีนี้ในโพสท์ผมเขียนว่า เขาให้เครดิตวิชา Copywriting ที่เรียนจากผมไปแบบเต็มๆ และประโยคนี้เองทำให้มีคนส่งนกพิราบเข้ามาถามว่า

=====

อ.เจษ ถามจริงๆเลยนะ Copywriting อย่างเดียวมันทำได้ขนาดนั้นเลยหรอ

=====

คำตอบของผมคือ ไม่นะ เพราะอย่าลืมว่าผมสอนหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ปูพื้นเรื่องจิต จิตใต้สำนึก Mindset ไปจนถึงแนวคิด แนวทาง วิธีทำ ไปจนถึงกลยุทธ์ เทคนิค และการนำไปใช้

ผมไม่ได้พูดเรื่อง Copywriting อย่างเดียว แต่ทุกอย่างที่ผมทำ พูด และสอน ผมใช้วิชา Copywriting เป็นแกนหลัก

น้องคนที่ผมโพสท์รูปคู่ด้วยก็เช่นกัน เขาใช้วิชา Copywriting เป็นแกนหลักในการสร้างอาณาจักรของเขา

เริ่มต้นจากเปิดใจเรียนรู้เพราะมีคนแนะนำ จากนั้นทดลองทำด้วยจำนวนเงินที่ไม่กระทบชีวิต พอเกิดผลลัพธ์กับตัวเองก็ศรัทธา เกิดศรัทธาในวิชาก็มั่นใจที่จะทำต่อ จากนั้นก็เดินหน้าด้วยความสบายใจ

ทีนี้ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของคนที่ทักเข้ามาถามคืออะไร เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่อ่านข้อความของผมเลย แต่ญาณมนุษย์ถ้ำของผมบอกให้เขียนว่า

=====

วิชาดีจะไม่อยู่กับคนใจโลเล

=====

ปัญหาของเจ้าของธุรกิจทุกวันนี้ไม่ใช่ไม่รู้วิธีทำ ไม่ใช่ไม่มีความรู้ ไม่ใช่ไม่มีข้อมูลสำคัญในการทำธุรกิจ แต่เป็นมีทุกอย่างมากเกินไปจนไม่แน่ใจว่าต้องโฟกัสอะไร ทำมันทุกอย่างเพราะมันเหมือนจะได้ผลทุกอย่าง

เอาจริงๆมันไม่ผิดอะไรนะ การเรียนรู้และพัฒนาเป็นเรื่องที่ต้องทำ แต่อย่างน้อยควรมีหลักไว้ยึดเหนี่ยวบ้าง เวลาหลงทางจะได้กลับมาถูก

ผมเองเรียนรู้อยู่ตลอดในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับ Copywriting แต่ทุกการเรียนรู้เป็นการขัดเกลาและต่อยอดให้วิชา Copywriting ที่เป็นแกนหลักของทุกอย่าง

เรื่องวิชา เรื่องครูบาอาจารย์ ผมค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณ (มากๆ) เลยแหละ เมื่อผมยึดสิ่งไหนเป็นวิชาหลักแล้ว ผมจะถือข้อปฏิบัติของวิชานั้นอย่างเคร่งครัด

เมื่อผมเคารพใครเป็นครูบาอาจารย์แล้ว ผมจะทำทุกอย่างที่ท่านบอก และหากทำแล้วไม่ได้ผลในขณะที่มีคนทำได้ ความผิดคือของผมไม่ใช่ของครูบาอาจารย์

ไหนๆวันนี้ก็แตะเรื่องนี้แล้ว สำหรับคนที่เลือกจะเชื่อและเรียน Copywriting ท่านต้องเข้าใจก่อนว่า คำพูดมีพลัง และ Copywriting คือวิชาที่ใช้พลังของคำพูด ดังนั้นกฎข้อแรกสุดเลยคือ

=====

รักษาคำพูด รักษาสัจจะ

=====

พูดอะไรออกไป รับปากอะไรใครไว้ สัญญาอะไรกับใคร ต้องเป็นไปตามนั้นและทุกอย่างจะโอเคเอง

ผมเห็นมาเยอะเกินไป หลายคนที่มีวิชาดีกับตัว มีชีวิตที่ดี แต่จู่ๆทุกอย่างก็พลิกผัน แค่เพราะหัวใจโลเลหลงไปตามแสงสีเสียงและภาพมายา

เหลืออีกไม่กี่วันคอร์ส Signature ของผม OHMPIANG SECRET COPYWRITING จะปรับราคาขึ้นเป็น 45,000 บาท

ผมไม่ได้กำลังจะยัดเยียดให้ท่านเลือก Copywriting เป็นวิชาหลัก แต่ถ้าท่านเลือกจะมาสายนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านจะไม่เรียน ข้อพิสูจน์คือผลลัพธ์ของนักเรียนจำนวนมากที่ท่านอ่านได้ด้วยตัวเอง

อ่านรายละเอียดได้ที่
>> https://ohmpiang.com/ohmpiang-secret-copywriting/

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

เมื่อวานผมนั่งดู Better Call Saul (ซีรี่ย์ใน Netflix) ใหม่อีกรอบ ดูไปถึงฉากบ้านพักคนชรา ตอนที่คุณปู่ คุณย่ากินเยลลี่หมดแล้ว

มันเป็นตลกร้ายที่ยอดเยี่ยมมากเพราะที่ก้นถ้วยเยลลี่แทนที่จะเป็นถ้วยเปล่าๆ กลับมีประโยคติดมาด้วย 2 ประโยค

ประโยคแรกคือ

Need a will? (สนใจทำพินัยกรรมไหม?) 

ประโยคที่สองคือ

Call McGill! (โทรหาแมคกิลสิ!)

ถ้ามองผ่านๆ มันก็เข้าใจคิดมุขนะ แต่ในแง่ของการทำการตลาดมันเป็นอะไรที่เจ๋งมากด้วยเหตุผล 2 ข้อด้วยกัน

ข้อแรก…

อีตาแมคกิลรู้จักกลุ่มเป้าหมายตัวเองเป็นอย่างดีเลย

ใครมีแนวโน้มจะสนใจทำพินัยกรรมมากที่สุด? ก็คนที่ใกล้ฝั่งแล้วไง

แล้วคนเหล่านี้จะไปหาได้จากไหน? ก็บ้านพักคนชราไง

ใจร้ายไหม… ก็ประมาณนึง

เจ้าเล่ห์ไหม… มากกกก

ตรงกลุ่มเป้าหมายไหม… สุด

อย่างที่สอง… 

มาดูเรื่องต้นทุน วิธีนี้น่าจะใช้เงินลงทุนไปไม่เกิน 30 บาทต่อเยลลี่ 1 ถ้วย บวกกับแรงงานในการตระเวนแจกตามบ้านพักคนชราเล็กน้อย

และในเรื่องมีการไปปรากฏตัวเพื่อ Customer Relationship ของอีตาแมคกิลด้วย

รวมๆแล้วถ้าคนชรามีทั้งสิ้น 5,000 คนที่อยู่ตามบ้านพักคนชราในบริเวณที่เขาเอื้อมถึง เขาต้องลงทุนประมาณ 150,000 บาท

หากอีตาแมคกิลคิดค่าทำพินัยกรรมอยู่ที่ 5,000 บาทต่อฉบับ (ในหนังมันหน้าเลือด เพราะร้อนเงิน) บวกกับกฎแห่งค่าเฉลี่ย 10% ให้แบบมาตรฐานหยวนๆ เขาจะขายได้ทั้งสิ้น 500 คน

เคสนี้ยอดขายสุทธิ = 500 x 5,000 = 2,500,000 บาท

หักค่าใช้จ่าย = 150,000 + 50,000 (ค่าดำเนินการแบบประมาณๆเอา) = 200,000 บาท

รวมแล้วแมคกิลจะกำไร = 2,500,000 – 200,000 = 2,300,000 บาท

อูววว

ทีนี้ถ้าอีตาแมคกิลทำในทางกลับกันล่ะ? กลับกันในเชิงสร้างแบรนด์แบบที่คนอื่นเขาทำกัน

ถ้าแมคกิลเกิดใจใหญ่ ติดต่อลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ เขาจะต้องจ่ายเงินอย่างน้อย 50,000 บาท

เพื่อพื้นที่โฆษณาในช่องเล็กๆที่จะพูดได้แค่ 2 ประโยคของเขา (Need a will? Call McGill!) และเป็นพื้นที่แออัดที่ทุกคน ทุกแบรนด์ แย่งชิงพื้นที่กันอย่างดุเดือด

ถึงแม้ว่าโอกาสที่คนจะเห็นเยอะกว่าการทำวิธีแรกมหาศาล แต่จะมีกี่คนกันเชียวว่างอ่านทุก Ad โฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์

และจะมีกลุ่มเป้าหมายของเขากี่คน หาเขาเจอในป่าดงดิบของการโฆษณา…

หนังสือ Intensive Copywriting บอกไว้ชัดเจน…

=====

“อย่าได้ลังเลที่จะแลกคน 400,000 คนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย เพื่อคน 500 คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย”

=====

ที่สำคัญถ้าผมเป็นแมคกิล ผมจะไม่เล็งแค่ Conversion 10% แน่นอน

แต่ผมจะเพิ่มอะไรเข้าไปอีกนิดนึงเพื่อเพิ่มโอกาส Conversion ให้เป็น 20%+ + 

สิ่งที่ผมจะเพิ่มคือ หนึ่งในพื้นฐานการเขียน Copywriting ที่ผมสอนในคอร์ส Signature ในตำนาน OHMPIANG SECRET COPYWRITING ที่กำลังจะปรับราคาขึ้นในอีกไม่กี่วัน

คอร์สที่เป็นจุดเริ่มต้นของวัยรุ่นคนหนึ่งที่เรียนจบปุ๊บเป็นเจ้าของโรงงานปั๊บโดยที่เริ่มต้นจาก 0 และใช้เวลาสร้างทุกอย่างควบคู่กับการเรียน

อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://ohmpiang.com/ohmpiang-secret-copywriting/

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

หลายปีก่อน… ผมหลงเข้าไปรับงานโปรโมทโปรเจคระดับ Mega ด้านอสังหาริมทรัพย์ของ Startup ค่ายหนึ่ง

เงื่อนไขการรับงานคือ อำนาจในการตัดสินใจเรื่องการตลาด โฆษณา และการโปรโมททั้งหมดต้องเป็นของผม ทุกอย่างกำลังเดินไปตามแผนด้วยดี

แต่ท้ายที่สุดเจ้าของงานถูกกดดันอย่างหนักเพราะมันไม่หวือหวา แม้จะต้านทานเพียงใดก็หาสู้อิทธิฤทธิ์ของมหาเมียได้ไม่

ด้วยเหตุผลอันงดงามที่ว่า งานระดับ Mega คู่ควรกับแสงสีเสียงที่สุดจะอลังการ! ไม่ควรพึ่งพาแค่มนุษย์ถ้ำไร้หัวนอนปลายเท้าที่ขาดความชื่นชมและเข้าใจในงานโฆษณาอันละเอียดอ่อน 

สิ้นประโยค มหาเมียของเจ้าของงานร่ายมนต์ชุดใหญ่ เสกทีม Creative โฆษณาชั้นนำระดับประเทศ (น่าจะมอบตำแหน่งให้ตัวเอง) เหล่าอภิมหากูรูพลังจักรวาล ฝูง Celeb คนดัง และกองทัพ Influencer นักเขียนในขณะนั้น เพื่อทำให้ฝันเป็นจริงอย่างสมเกียรติ

ผมเห็นเช่นนั้น จึงอวยพรให้โปรเจคนั้นโชคดี ทิศทางที่กำลังเดินมันคนละเรื่องกับแผนที่วางและตกลงเอาไว้ แต่เจ้าของโปรเจคทัดทานไว้บอกให้อยู่ช่วยกันก่อน เพราะยังไงเขาวางระบบที่สามารถบอกได้ว่า ยอดขาย มาจากใครบ้าง

เล่าเรื่องยาวให้สั้นเข้า ท่ามกลางพลังของการโปรโมทขนานใหญ่ของทุกค่ายในวันเปิดตัว ท่ามกลางแสงสีเสียงและความฮือฮาอลังการ เย็นวันนั้นหลังพายุแห่งความปังผ่านพ้นไป มนุษย์ถ้ำปล่อยบทความออกไป 1 บทความบนเพจที่มีคนติดตามไม่ถึง 3,000 คน และอีก 1 บทความ 3 วันหลังจากนั้น พร้อมบอกให้เจ้าของงาน Boost Post เรื่อยๆวันละ 500 บาท

2 เดือนผ่านไป เจ้าของงานติดต่อเข้ามาเพื่อบอกว่า “ไม่น่าเชื่อ และถึงบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ บทความง่อยๆ 2 บทความของเอ็ง ทำยอดได้มากกว่าทุกคนที่เมียพี่เรียกมารวมกันเกือบ 1800% รูปที่เอ็งใช้ก็เป็นรูปฟรี บทความที่เอ็งเขียนก็ Basic แต่ทำไมผลลัพธ์ออกมาขนาดนี้”

“ฟลุ๊คน่ะพี่ อย่าไปคิดมาก ให้ทำอีกคงไม่ได้แล้วแหละ วิธีของเมียพี่อะดีอยู่แล้ว ส่วนค่าตอบแทนก็โอนเข้าบัญชีที่ตกลงกันไว้ละกัน” คือประโยคสุดท้ายที่เราได้คุยกัน

เรียนตามตรง ผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าใช้เทคนิค AIDA เลยในการเขียนบทความ 2 บทความนั้น

มันไม่ใช่เทคนิคใหม่ และทุกวันนี้ใครๆก็ใช้ เข้าไป Google ก็มีบทความเกี่ยวกับ AIDA เพียบ หรือให้ผมสรุปให้ก็ได้จะได้ไม่ต้องเหนื่อย

A = Attention (จั่วหัวต้องดึงดูดความสนใจ)
I = Interest (พูดสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ)
D = Decision / Desire (โน้มน้าวให้ตัดสินใจง่ายๆ)
A = Action (บอกว่าถ้าสนใจต้องทำอะไร)

บทความเอย Salepage เอย รวมไปถึงทุกอย่างที่ผมทำ ผมเริ่มจาก AIDA หมด เพราะมันง่ายและทรงพลัง

แต่ใช้ยังไงให้ผลลัพธ์ออกมา “ไม่ไว้หน้า” มหาเมียของเจ้าของโปรเจคขนาดนั้น

ผมมีเล่าให้ฟังในคอร์สออนไลน์ Signature ของผม OHMPIANG SECRET COPYWRITING ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในโค้งสุดท้ายก่อนปรับราคาขึ้น

มันมีข้อแตกต่างเล็กๆอันยิ่งใหญ่ของ AIDA ที่คนทั่วไปใช้ กับ AIDA ที่ Copywriter ตัวจริงใช้

อ่านรายละเอียด และตัดสินใจสมัครได้แล้วที่ >> https://ohmpiang.com/ohmpiang-secret-copywriting/

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้เทคนิคยิงแอด Facebook ความจริงผมรู้เกือบหมดแหละ แค่ตัดสินใจว่าจะไม่โฟกัส

ไม่ใช่เพราะหยิ่งหรือมันไม่ได้ผล แต่เพราะโฟกัส Copywriting แล้วมันจบ

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อปีที่แล้วมันมีอยู่เทคนิคนึงที่ใช้ได้ดีมากๆช่วงต้นปี แต่พอช่วงกลางปีเริ่มดับ และมีคนออกมาบอกว่าใช้ไม่ได้ผลแล้ว

ผมเห็นแบบนั้นปุ๊บ ต่อมสงสัยผมทำงานทันทีและเริ่มทดสอบว่ามันจริงไหม

สิ่งที่ผมทำคือ สร้างแอด ขึ้นมา 2 ตัว ทั้ง 2 ตัวใช้รูปเดียวกัน กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด เปลี่ยนแค่หัวข้อกับเนื้อหาเล็กน้อย แล้วปล่อยทดสอบเป็นเวลา 5 วัน

ผลคือ แอดนึงต้นทุนค่าคลิกฟาดไปเกือบ 300 ส่วนอีกแอดนึงต้นทุนค่าคลิกอยู่ที่ 60-70 บาท มันดูสูงนะ แต่ต้นทุนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

เร่งเข็มเวลามาปัจจุบัน ผมทดสอบแบบนี้กับเทคนิคยิงแอด Facebook อยู่เรื่อยๆ และมันก็ให้ผลประมาณนี้มาตลอด

เมื่อต้นเดือนนี้เองที่ผมกลับไปทดสอบเทคนิคเดิม ทุกอย่างเหมือนกันหมด แอด 2 ตัวใช้รูปเดียวกัน กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ปรับแค่หัวข้อกับเนื้อหาเล็กน้อย

ผลคือ แอดนึงต้นทุน 413 บาท อีกแอดนึงต้นทุน 49 บาท

สิ่งที่ได้จากการทดสอบยิ่งยืนยัน 3 ข้อที่ผมเขียนเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า Keyword สำคัญคือ Copywriting และทำไมผมถึงมั่นใจในเรื่องนี้มากว่า ต่อให้พี่มาร์คหรือใครจะปรับอะไร แต่ขอแค่มี Copy ดีๆ ภัยพิบัติก็สงบ

1. มันเป็นวิชาที่สร้างผลลัพธ์มาเป็นร้อยปีแล้ว

จะบูมมากบูมน้อยขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลา ปีนี้ ปีหน้าคนอาจจะตื่นเต้นราวกับมันเป็นของใหม่เพราะกระแสมันมา

ปีต่อๆไปอาจไม่มีใครพูดถึงอีกเพราะมีบางอย่างน่าตื่นเต้นกว่า

และอีก 10 ปีก็จะกลับมาบูมใหม่อีกครั้งเพราะสุดท้ายคนก็ต้องการผลลัพธ์อยู่ดี มันเป็นวัฏจักรของมันอยู่แล้วเช่นเดียวกับทุกสรรพสิ่งภายใต้กฏของธรรมชาติ

ทองคำย่อมเป็นทองคำอยู่ดี ไม่ว่าใครจะพูดหรือตีค่ามันว่าอะไรก็ตาม วิชาดีๆก็เช่นกัน มันอยู่ที่คนครอบครองว่า เห็นค่าไหม? จริงจังไหม? และได้ของแท้ไปจริงไหม? 

2. มันยังคงสร้างผลลัพธ์อยู่ตลอดเวลา

ถ้าผมทำได้แค่คนเดียว ผมจะบอกว่าคงบังเอิญ แต่รู้อะไรมะไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ผมจะไม่ได้รับอีเมล์, Inbox หรือ Line ที่ส่งเข้ามาเพื่อเล่าผลลัพธ์ให้ฟัง

เคสข้างบนรวมกับอีกหลายๆเคสที่ผมเคยเล่าให้ฟังคือ หนึ่งในหลายๆเคสที่สร้างผลลัพธ์ได้อย่างน่าตื่นเต้น

ถามว่ามีเคสผลลัพธ์ของลูกศิษย์ที่โหดๆมาเล่าให้ฟังไหม? มีครับ แต่ที่ไม่เอามาเขียนเพราะไม่ว่าจะ Censor แค่ไหนคนก็เดาถูก และตามไปถูก

มันไม่แฟร์สำหรับคนที่ไว้ใจผม และทำงานหนักเพื่อผลลัพธ์ตรงนั้นเลย

3. มันไม่ได้เกิดจากสมองน้อยๆของผม

หลักการทุกอย่าง เทคนิค วิธีการที่ผมพูดถึง ไม่มีเลยที่ผมเป็นต้นตำรับ ผมไม่ใช่ Original และผมก็ดีใจมากๆที่ไม่ใช่ Original 

เพราะมันเสี่ยงเกินไปที่จะเอาวิธีที่ไม่เคยผ่านการทดสอบมาใช้ในการทำธุรกิจ

ทุกอย่างที่ผมพูด เขียน เล่า และโม้ ล้วนผ่านการทดสอบมาเป็นร้อยปีแล้ว ที่เพิ่มเติมเข้าไปคือ ประสบการณ์ของผมที่เอา Copywriting ไปใช้ในธุรกิจจำนวนมากในเมืองไทย มากแค่ไหนก็แค่ 2015 ปีเดียวก็ประมาณ 50 ประเภทธุรกิจที่สินค้าไม่ซ้ำกัน

และในเมื่อวิชามันพิสูจน์ตัวเองมาได้ร้อยปีแล้ว ปีหน้าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กฏก็กฏเดิม ผู้บริโภคก็มีความต้องการแบบเดิม เพิ่มเติมคือ ความระวังมากขึ้นในการเสียเงิน

มันไม่มีเรื่องอะไรใหม่นะเอาจริงๆ อยู่ที่จะโฟกัส Keyword และผลลัพธ์แบบไหน

แน่นอนคำตอบของผมก็ยังคงเดิม “Copywriting” และ The Ohmpiang Letter Vol. 6 คือการปูพื้นฐานที่ดีมากๆสำหรับคนที่สนใจหรือคนที่อยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

The Ohmpiang Letter Vol. 6 – ถอดรหัสลับการเขียนของตำนาน (How Legends Write) ราคา 2,190 บาทจาก 2,490 บาท

ข่าวดีคือสั่งซื้อวันนี้ท่านจะได้ทั้งเวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้าน และเวอร์ชั่นหนังสือเสียงฟังผ่านแอพ OHMPIANG

พิเศษ! สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของจดหมายจากมนุษย์ถ้ำเลยสักฉบับ สั่งซื้อ The Ohmpiang Letter Vol. 6 วันนี้รับฟรีหนังสือ The Ohmpiang Growth Factor มูลค่า 2,190 บาทส่งตรงถึงบ้านทันทีเช่นกัน

สั่งซื้อติดต่อทีมงานที่ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย) บอกทีมงานว่า “The Letter Vol. 6”

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ปล. The Ohmpiang Letter Vol.6 เวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้านเหลืออีกไม่ถึง 10 ฉบับแล้ว ถ้าหมดแล้วคือหมดเลย และจะได้รับแค่เวอร์ชั่นหนังสือเสียงเท่านั้น

หมายเหตุ – The Ohmpiang Letter เป็นจดหมายลับรายเดือนจากมนุษย์ถ้ำส่งตรงถึงบ้านท่านทีทั้งหมด 17 ฉบับ แต่ละฉบับหนาประมาณ 30 หน้าเท่านั้น

ผมอยากให้ท่านลองนึกเล่นๆ ว่าถ้าคนๆหนึ่งจะได้ชื่อว่าเป็น Copywriter ระดับโลก คนๆนั้นควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

ต้องเขียนเก่งไหม? ต้องใช้ภาษาเก่งไหม? ต้องขายเก่งไหม?

ไม่ว่าคำตอบของท่านคืออะไร มันถูกต้องหมด แต่มันจะมีคุณสมบัติเบื้องต้นที่โดดเด่นมากๆอยู่ 2 คุณสมบัติด้วยกันที่ Copywriter ระดับโลกทุกคนมีเหมือนกัน คุณสมบัติเบื้องต้นตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางระดับโลกเลยก็ว่าได้

วิธีที่จะอธิบายคุณสมบัตินี้ได้ง่ายที่สุดคือ อธิบายผ่าน Atom

Real Steel เป็นหนึ่งในหนังที่ผมชอบดูมากๆ เป็นหนังที่ทำให้ผมสัมผัสถึงความตื่นเต้นในโรงหนังได้เต็มๆ

Concept ของหนังเรียบง่ายคือ สร้างหุ่นยนต์มาสู้กัน

พระเอก (Hugh Jackman) เป็นอดีตนักมวย ติดการพนัน เป็นหนี้คนที่ไม่ควรเป็นหนี้เพียบ และอยู่ๆต้องมาดูแลเด็กคนหนึ่งที่เป็นลูกชายของภรรยาเก่าที่เสียชีวิตไป

เล่าเรื่องให้ยาวเข้า เด็กคนนี้ไปขุดเจอซากหุ่นยนต์ เอามาซ่อม และหุ่นตัวนี้กลายเป็นหุ่นที่ท้าชิงแชมป์ระดับโลก

หุ่นยนต์ตัวนี้ชื่อ Atom และมันมีคุณสมบัติเพียงแค่ 2 อย่างเท่านั้น

1. อึด ทุบยังไงก็ไม่พัง ล้มกี่ครั้งก็ลุกขึ้นมาได้

2. พร้อมฟังคำสั่งคนควบคุมแบบไม่มีเอ๊ะ ไม่มีอ๊ะ

ด้วยคุณสมบัติ 2 ข้อนี้ทำให้ Atom พุ่งทะยานจากหุ่นยนต์กองขยะไปเป็นหุ่นยนต์ที่เกือบจะเอาชนะเบอร์ 1 ของโลกได้

เท่าที่ผมศึกษาและตามอ่านประวัติมา Copywriter ระดับโลกก่อนที่เขาจะทะยานขึ้นสู่ระดับโลกล้วนมีคุณสมบัติทั้ง 2 ข้อนี้ทั้งสิ้น

อึด ทุบยังไงก็ไม่พัง ล้มเหลวกี่ครั้งก็ลุกขึ้นมาได้ และพร้อมฟังคำสั่งคนควบคุม (ตลาด / ลูกค้า) แบบไม่มีเอ๊ะ ไม่มีอ๊ะ

ตลาดบอกว่าเลี้ยวซ้าย เขาเลี้ยวซ้าย ตลาดบอกว่าเลี้ยวขวา เขาเลี้ยวขวา

Copywriting มันมีแค่นี้จริงๆ อันที่จริงไม่ใช่แค่ Copywriting ด้วย ทุกอย่างมันมีแค่นี้จริงๆ

รู้เรื่องพื้นฐาน ฝึกฝน ทนมือทนเท้า และเดินไปตามความต้องการของคนที่สำคัญต่อความสำเร็จจริงๆ

The Ohmpiang Letter Vol. 6 – ถอดรหัสลับการเขียนของตำนาน (How Legends Write) ราคา 2,190 บาทจาก 2,490 บาท

ข่าวดีคือสั่งซื้อวันนี้ท่านจะได้ทั้งเวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้าน และเวอร์ชั่นหนังสือเสียงฟังผ่านแอพ OHMPIANG

พิเศษ! สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของจดหมายจากมนุษย์ถ้ำเลยสักฉบับ สั่งซื้อ The Ohmpiang Letter Vol. 6 วันนี้รับฟรีหนังสือ The Ohmpiang Growth Factor มูลค่า 2,190 บาทส่งตรงถึงบ้านทันทีเช่นกัน

สั่งซื้อติดต่อทีมงานที่ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย) บอกทีมงานว่า “The Letter Vol. 6”

OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์

ปล. The Ohmpiang Letter Vol.6 เวอร์ชั่นจดหมายส่งตรงถึงบ้านเหลืออีกไม่ถึง 10 ฉบับแล้ว ถ้าหมดแล้วคือหมดเลย และจะได้รับแค่เวอร์ชั่นหนังสือเสียงเท่านั้น

หมายเหตุ – The Ohmpiang Letter เป็นจดหมายลับรายเดือนจากมนุษย์ถ้ำส่งตรงถึงบ้านท่านทีทั้งหมด 17 ฉบับ แต่ละฉบับหนาประมาณ 30 หน้าเท่านั้น