ก่อนจะตัดสินใจฟังคำดูถูก…
เขียนโดย Jesse Theerathorn | Mindset, Success | 0 Comments
สืบเนื่องจากบทความ เพราะความล้มเหลวและเสียงดูถูกคือสัญญาณของความสำเร็จ
พอดีเห็น Comment หนึ่งที่บอกว่าเจอแรงต้านจากหลายๆคนในมุมมองที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็พยายามเดินตามเส้นทางที่หนังสือที่ผมแปลและแนะนำปูไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็น เดชคัมภีร์ลับนักขายนอกตำรา, Scientific Advertising และ Intensive Copywriting แม้ว่าจะมีคนหัวเราะเยาะใส่และดูถูก
ผมอยากจะพูดไว้ชัดเจนตรงนี้นะครับ หนังสือทุกเล่มที่ผมแปลจะมีคุณสมบัติหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ “อยู่เหนือกาลเวลา” นั่นแปลว่าสามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าช่องทางในสมัยนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
อีกอย่างคือ ผู้เขียน (เจ้าของวิชา) ล้วนมีผลลัพธ์และประสบความสำเร็จอย่างสูง หลายคนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์มากมาย หลายคนเปลี่ยนชีวิตคนนับล้านทั่วโลก
คำแนะนำคือ ชั่งน้ำหนักก่อนจะเชื่อคำวิจารณ์และเสียงหัวเราะเหล่านั้น ว่ามีน้ำหนักพอที่เราจะเชื่อไหม
พูดง่ายๆ เขาเคยทำอะไรมา มีผลลัพธ์อะไร หรือเรารู้จักเขาดีขนาดไหน เราถึงต้องเชื่อ?
เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ผมไปเจอโพสท์นึงเกี่ยวกับคุณแม่คนหนึ่งที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้วไปเจอหมอปากพล่อย
(ผมต้องขออภัยอย่างสูงจริงที่จำชื่อเพจไม่ได้ ถ้าใครเคยอ่านแล้วชี้เป้าได้ ผมอยากจะให้เครดิตเพจนั้น)
เรื่องมีอยู่ประมาณว่า คุณแม่คนนี้พยายามเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาตลอด และตั้งใจว่าจะเลี้ยงด้วยนมแม่ไปให้นานที่สุด.อยู่มาวันหนึ่งเขาไปหาหมอ หมอกลับพูดว่า นมแม่หลัง 6 เดือนไม่มีประโยชน์แล้ว มันไม่มีค่าอะไรสำหรับลูกแล้ว ทำไปทำไม ไม่มีประโยชน์
คุณแม่ท่านนั้นก็ใจเสียมาก แต่ยังดีและต้องบอกเลยว่าน่าชื่นชมมากๆที่ตั้งสติได้และไม่ยินยอมต่อการ Bully แม้จะเป็นคนในเครื่องแบบ และถามกลับไปว่า “ตำราไหนคะที่บอกว่านมแม่ไม่มีประโยชน์หลัง 6 เดือน”
พอได้ยินคำถามนั้น หมอปากพล่อยคนนั้นก็อึกอักๆ และตอบกลับมาว่า “คนเฒ่าคนแก่เขาบอกมา”
ในชีวิตของท่านจะมีหมอปากพล่อยแบบนี้โผล่มาเรื่อยๆ คนที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจ มีสถานะมากพอที่จะพูดอะไรก็ได้ และเชื่อเถอะว่าบ่อยครั้ง ความคิดเห็นของเขามาจากที่คนเฒ่าคนแก่บอกมา ไม่ก็คนแถวบ้าน หรือซ้ำร้ายอาจเป็นต้นไม้ข้างบ้าน
ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากที่บอกท่านว่าผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีตำแหน่งไม่ได้รู้และหวังดีจริงๆกับเราทุกครั้ง
อีกครั้งขอชื่นชมคุณแม่ท่านนี้มากๆนะครับ
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นไปอีกผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องของผมเอง
ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว (เวลาผ่านไปเร็วมาก...) ตอนที่ผมตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางเขียน Copywriting
ตอนนั้นผมอ่านหนังสือ ผมลงทุนเรียนรู้ ผมลงทุนแรง ผมลงทุนเวลา ผมลงทุนพลังงาน ผมแลกอะไรหลายๆอย่างเพื่อจะได้เรียน
แต่อยู่มาวันหนึ่งก็นึกครึ้มอกครึ้มใจ ลอง Google ดูรายได้ของ Copywriter ปรากฎว่าเงินเดือนอยู่ที่ 12,000 - 18,000 บาท
ผมไม่อยากจะพูดแต่มันค่อนข้างชัดเจนว่าอาชีพ Copywriter นั้นถูกจัดไว้อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหารวงการโฆษณา มันเป็นอะไรที่ย้อนแย้งมากเพราะไม่มีใครปฏิเสธว่า Content หรือ Caption สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นในแอดโฆษณา
ยอมรับครับว่าเหี่ยว... คุยกับตัวเองด้วยว่า ทำไมเอ็งไม่ลองศึกษาก่อนว่ามันมีอนาคตในไทยไหม?
สุดท้ายผมไปต่อ เพราะ Google ไม่ใช่เจ้าชีวิต และไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องเชื่อใครก็ไม่รู้ที่กำหนดเงินเดือนพวกนี้.ที่สำคัญ แค่ผมจะเรียนวิชานี้มันยังยากเลย โอกาสที่คนไทยในสายงานนี้ไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้เลยมีสูงมาก
10 ปีผ่านไป ผมเพิ่งเช็คเลยเมื่อกี้
เงินเดือน Copywriter ขึ้นมาเป็น 15,000 - 22,000 บาท ขึ้นมาประมาณ 3,000 บาท
ถ้าผมเลือกที่จะเชื่อ Google และเรทเงินเดือนตอนนั้น วันนี้ผมจะคิดว่าตัวเองฉลาดและพูดกับตัวเองว่า “นั่นไง กูว่าแล้ว เห็นไหม แม่งอาชีพไร้อนาคต“
แต่การตัดสินใจไม่เชื่อ และไม่ให้คุณค่าใครก็ไม่รู้ที่เขียนตัวเลขเหล่านั้นขึ้นมา ทำให้ผมมีชีวิตแบบที่ใฝ่ฝันเอาไว้มาตลอด พร้อมๆกับที่ใช้วิชา Copywriting พลิกธุรกิจทั้งน้อยใหญ่นับร้อย รวมไปถึงเปลี่ยนชีวิตและสร้างอาชีพให้คนจำนวนมาก
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า ไม่มีใครรู้ว่าเราเตรียมตัวมาขนาดไหน ไม่มีใครล่วงรู้ถึงการบ้านที่เราทำ รวมไปถึงเงิน เวลา ความสุขที่เราต้องเสียสละไปในกระบวนการ
มันเป็นเรื่องปกติครับที่จะมีคนวิจารณ์ ขัดขวาง ขัดจังหวะ ดูถูก หัวเราะ และบั่นทอน มันเป็นสิทธิของเขาที่จะคิดว่าตัวเองสามารถทำได้
แต่มันโคตรผิดปกติเลยถ้าดันไปเชื่อ ไปฟัง และไปให้ค่าลมปากเหล่านั้น
หน้าที่ของการพิสูจน์ว่าความเชื่อของเราถูกหรือผิด เป็นหน้าที่ของเรา อย่าให้คนอื่นมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน
หนังสือที่ผมแนะนำอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ท่านมีภูมิต้านทานเรื่องพวกนี้มี 3 เล่ม
The Science of Getting Rich (Visual Book)
The Power of Your Subconscious Mind
ทั้ง 3 เล่มนี้แปลไทยหมดแล้วสามารถติดต่อ OHMPIANG ได้เลยครับ ไลน์ @ohmpiang (ใส่ @ ด้วย)
OHMPIANG
เจษ ธีระธรณ์